ตัวเราชื่อ "โอ๊ค" และตอนนี้กำลังเดินทางไปสวีเดน เพื่อ ฝึกงานและไปแลกเปลี่ยนต่อเนื่องเป็นเวลา เจ็ดเดือน ตั้งแต่ 10 มิถุนายน 2010 ถึง 14 มกราคม 2011 โดย blog นี้จะเล่าเรื่องการผจญภัยของเราในต่างแดน เพราะว่านี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาที่ เขตยุโรป ^O^
พอเข้าไปใน duty free ก็เลยไปถามเพื่อนที่ไปในโครงการนี้ด้วยกัน
"เฮ้ย โต๊ด ต้องซื้อไรมั่งไหมนิ"
"ก็พวกครีมน่ะ เอาไว้ใช้ตอนหน้าหนาว ไม่งั้นเดี๋ยวผิวแตกหมด" โต๊ดตอบกลับมา
หลังจากนั้นก็มีการซื้อพวกครีมเล็กๆน้อยๆ จากในสนามบินเป็นราคา สามพันบาท (ละมั้ง เอิ้ก) ตอนนั้น เวลาประมานห้าทุ่ม แต่ว่าเครื่องออกตอน ตีหนึ่ง เพื่อนโต้ดแสนใจดีเลยพสไปนั่งใน lounge ในสนามบิน
*lounge คือสถานที่ในสนามบินที่เอาไว้ นั่ง กิน อย่างชิล และฟรี อาไรทำนองนั่น
หลังจากกินกันอิ่มแล้วดูเวลา ก็ประมาณเที่ยงคืนครึ่ง เราสองคนก็ไปที่ทางเข้าเครื่องบิน
"เตรียมของพร้อมรึยัง" คุณพ่อของโต๊ดถามเมื่อเราไปเจอกัน
คุณพ่อของโต๊ดบังเอิญจะไปเยี่ยมเพื่อนที่สวีเดน ในเขต malmor แต่สถานที่ ที่ผมและโต๊ดจะไปคือ เมือง Karlskrona นอกจากนี้คุณพ่อยังเดินทางไปพร้อมกับพวกเราจนถึงเมือง karlskrona ด้วย
หลังจากขึ้นเครื่องแล้ว คุณพ่อของโต๊ดก็แยกย้ายไปนั่งที่ชั้น Business class แล้วผมกะโต๊ดก็แยกไปยั่งที่ Economic class แต่ปรากฎว่า มันมีที่นั่งที่ business class เหลือที่นึง !!!! ฉะนั้น โต๊ดก็ย้ายไปนั่งที่ตรงนั้นกะพ่อเขา (ทิ้งเราไว้คนเดียว TT) แต่ว่าโชคก็ยังเข้าข้างเราเพราะว่า มันมีที่นั่งว่างติดกันสามที่ และแอร์ ก้อมาถามว่าเราจะย้ายที่นั่งไหม (เสร็จโจร :D) ก็ไปสิครับแน่นอน
ในการผจญภัยครั้งนี้ เรานั่งเครื่องของ Thai Airway นะครับ ==> การบินไทยน่ะแหละ
หลังจากได้ที่นอนแสนสบายสามที่นั่ง แต่พอมองไปข้างๆ ฝรั่งมันได้สี่ที่นั่ง -_- ซะงั้น แต่เอาเหอะ นอนได้ก็โอเคละ หลังจากนอนได้ซักพัก ก็ถึงเวลาที่ใครๆก็รอคอย เวลาอาหาร !!!! แม้ว่าจะง่วงแต่ผมก็ตื่นมา แดก ! ซะหน่อย หลังจากโดนขุนด้วย เสต็กหมูอบ(หรืออย่างน้อยผม ก็คิดว่ามันใช่) จนอ้วนแล้วก็ลงไปนอนต่อ คร่อก ๆ
"please fasten your seatbelt as we are about to reach the destination Arlanda airport in around 10 minutes" เสียงสัญญาณเตือนว่า ใกล้จะต้องลงแล้วหลังจากอยู่บนเครื่องบินมาสิบกว่าชชั่วโมง
"เอี๊ยด.." ล้อถึงพื้นแล้วว
หลังจากหยิบของ ทุกคน ไม่ว่าจะสูง ต่ำ ดำ เตี้ย ก็แห่กันเดินไป ตรวจ พาสพอต ซึ่งแถวก็ยาวมากมาย แต่เราไม่น้อยหน้า อยู่ใกล้ๆหัวแถวได้ แต่ .....เฮ้ย ทำไมป้ายตรงที่เราจะไปตรวจมันเขียนว่า EU and schengen only
"This is madness" นี่คือคำพูดที่ผุดขึ้นมาในหัวคำแรกเลย เพราะว่า ที่สนามบิน Arlanda พวกเราต้องรีบไปขึ้นเครื่องเพื่อนบินต่อไปยังสนามบิน ที่เมือง Ronneby ภายในเวลา 1 ชม. 15 นาที
เอาไงดีละ จะแอบมุดไปแถวข้างๆที่มันเขียนว่า All Nationalities ดีไหมนิ จนแล้วจนรอด ก็เดินไปท้ายแถวเพื่อต่อคิวใหม่ และเสียเวลาไปเกือบ ครึ่งชม. ที่ด่านตรงนี้ จากนั้นตรงด่วนไปหยิบกระเป๋า แล้วมุ่งหน้าไปยัง ส่วน checkin ของ domestic flight ตะบึงกันอย่างสนุกสนาน ในที่สุด พวกเาทั้งสามคนก็มาถึงทางเข้าของสายการบิน SAS ซึ่งจะพาพวกเราไปยังสนามบิน Ronneby ทันเวลาก่อนเขาจะเปิดประตูให้ขึ้นไปในเครื่องพอดี
"นี่มันอาหารอะไรนิ รสชาติไม่ไหวเลย" นี่คือคำพูดเมื่อได้เจอกับ อาหาร บนเครื่องของสายการบิน SAS


ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ไวเหมือนโกหก พวกเราก็ลงมาถึงพื้นสนามบิน แต่ว่า !!!!! เราไม่มี terminal แล้ว ทางลงจากเครื่องบินก็เป็นบันได บันได้แบบที่ลงจากเครื่องเลยไม่ต้องเข้าอาคาร... พอมาถึงข้างในยิ่งช็อก สายพานลำเลียงของลง เป็นแบบ เส้นตรงยาว หกเมตร แล้วหมด.......
รูป ==> ไม่มีอ่ะ ห้าห้าห้า
ออกจากนอกอาคารไป อากาศหนาวก็พัดใส่หน้า วู้ววววว "@#$^&* " หนาวอย่าบอกใครเชียว ทีนี้เราก็พยายามหาว่า ใครนะที่จะมารับเราที่สนามบินแห่งนี้ หลังจากมองไปมาก็เจอแท็กซ๊่เขาเข้ามาถาม
"Are you looking for taxi? What's your name?" คนขับแท็กซ๊่ถามมา
หลังจากคุยมาซักพัก ก็ได้เรื่องว่า เขาได้รับแจ้งจากมหาลัย Blekinge Institute of Technology ให้มารับพวกเรา เมื่อเขาเห็นสัมภาระของพวกเรา คนขับแท็กซ๊่ถึงกับสะดุ้ง
"i have been infromed that i will come and recieve 3 people and 3 luggages" นี่คือสิ่งที่เขาพูด
แต่อย่างไรก็ดีเขาก็ขนของอันมากมายมหาศาลขึ้นรถไปให้ ระหว่างทางเขาก็พูดคุยสนุกสนาน พร้อมทั้งบ่นเกือบตลอดทาง ว่าสัมภาระขนาดนี้น่าจะเอา BUS !! มามากกว่า (bus ของมันนี้ขนาดไหนฟระเนี่ย)
ตอนที่สองเดี๋ยวเขียนใส่อีก article ละกัน เพราะว่า เดี๋ยวจะไม่ได้อ่านกัน
ไม่คิดจะกล่าวถึงเพื่อนๆที่อุตส่าไปส่งมั่งอ่ะ
ตอบลบเชอะๆๆๆๆๆ น้อยใจแร้วนะ